การแบ่งปันประสบการณ์ของผู้มีปัญหาสุขภาพด้านเบาหวาน
มหัศจรรย์มังคุดไทยนอกจากเป็นผลไม้ที่มีรสอร่อย ผู้คนในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังใช้เป็นยา มังคุดเป็นพืชพื้นเมืองในป่าดิบชื้น ซึ่งเคยมีความพยายามนำพันธุ์มังคุดไปในปลูกในพื้นที่ส่วนต่างๆ ของโลก แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เมื่อเทียบกันแล้ว มังคุดบ้าน เรามีรสชาติดี ไม่เปรี้ยวจัด เนื้อมาก เมล็ดเล็ก เปลือกบาง และสามารถใช้เป็นทั้งอาหารและยาเหมือนพืชพรรณอื่นๆ ดังคำกล่าวที่ชัดเจนของหมอยาโบราณว่า “โรคเกิดขึ้นที่ไหน ที่นั่นย่อมมียารักษาโรคนั้นๆ เกิดอยู่ด้วย”
ตำรับยาโบราณที่ใช้มังคุดในประเทศแถบนี้ มักเป็นการนำเปลือกแห้งมาฝน บด หรือต้ม เพื่อใช้แก้ท้องเสีย บิด หรือทำเป็นยาล้างแผลและทาแผลเน่าเปื่อยเป็นหนอง
หมอยาไทยสายอายุรเวชอธิบายว่า เปลือกมังคุดอยู่ ในกลุ่มยารสฝาด จึงมีสรรพคุณในการสมานแผลโดยตรง ดังคำคล้องจองจับคู่ระหว่างรสชาติสรรพคุณของยาสมุนไพรที่หมออายุรเวชท่องกัน ขึ้นใจคือ “ฝาดสมาน หวานซึมซาบ เมาเบื่อแก้พิษ โลหิตชอบขม เผ็ดร้อนแก้ลม มันแก้เส้นเอ็น รสเย็นบำรุงหัวใจ เค็มซึมซาบ เปรี้ยวปราบเสมหะ”
ความรู้พื้นบ้านเกี่ยวกับคุณสมบัติ “ฝาดสมาน” ของมังคุด ได้รับการต่อยอดอย่างกว้างขวางในแวดวงวิทยาศาสตร์ของประเทศต่างๆ นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า ในมังคุดมี สารประกอบที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์ชนิดหนึ่ง เรียกว่า แซนโทนส์ (Xnthones) ลักษณะเป็นผลึกสีเหลืองใส มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ต้านเนื้องอก ต้านภูมิแพ้ ต้านอักเสบ รวมทั้งต้านแบคทีเรียและไวรัสได้ด้วย ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์พบสารแซนโทนส์ในธรรมชาติแล้วกว่า 200 ชนิด โดยในมังคุดพบแซนโทนส์มากกว่า 40 ชนิด
อาจารย์พิเชษฐ์ได้สกัดแซนโทนส์ตัวหนึ่งออกมาจากมังคุด โดยกล่าวว่าเป็นแซนโทนส์ตัวที่ดีที่สุด และตั้งชื่อว่า GM-1 (GM ย่อมาจากชื่อวิทยาศาสตร์ของมังคุด คือ Garcinea mangostana จึงอาจเรียกเล่นๆ ได้ว่า สารมังคุด-1) จากนั้นส่ง GM-1 ไปทดสอบฤทธิ์ด้านต่างๆ ซึ่งเป็นผลงานทำวิจัยหลายชิ้นร่วมกับอาจารย์และนักศึกษาที่ภาควิชา เภสัชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
เขาพบว่า สารตัวนี้มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและระงับปวดได้ดีกว่าแอสไพริน 3 เท่า มีฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย ไวรัส แก้แพ้ และต้านเชื้อมะเร็งในหลอดทดลอง เมื่อมีการทดลองใช้ GM-1 ปริมาณสูงในหนู พบว่าทำให้หนูมีอาการซึมเล็กน้อยจากฤทธิ์กดประสาท แต่ไม่มีอาการผิดปกติอื่นๆ จึงค่อนข้างปลอดภัย
อาจารย์พิเชษฐ์เริ่มทดลองทำเป็นครีมทาหน้ารักษาสิวใช้ในกลุ่มครอบครัว และเพื่อนฝูง และหลังจากนั้น 10 ปีได้ทำเป็นการค้าตั้งโรงงานผลิตเครื่องสำอางที่มีมังคุดเป็นส่วนประกอบเมื่อปี พ.ศ. 2536 และทยอยผลิตเครื่องสำอางมังคุดออก มา ทั้งสบู่ล้างหน้า ครีมล้างหน้า ครีมบำรุงผิว ครีมกันแดด และตัดสินใจออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อทำธุรกิจเต็มตัว แต่ไม่ประสบความสำเร็จทางการตลาด
แต่เขาก็ไม่ลดละ ยังมองเห็นว่า สารจากมังคุดน่าจะสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ร่างกายได้ จึงปรุงสูตรยาแคปซูลขึ้นมาใหม่ โดยใช้ GM-1 จากมังคุด บวกกับสารสกัดจากพืชอีก 4 ชนิดคือ บัวบก ถั่วเหลือง งาดำ และฝรั่ง เป็นยาช่วยให้เม็ดเลือดขาว ทำหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกันสมดุลมากขึ้น
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีคนนำแคปซูลดังกล่าวกับน้ำมังคุดไป ทดลองใช้กับผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย แล้วพบว่าอาการดีขึ้น ทำให้ชีวิตช่วงสุดท้ายของผู้ป่วยอยู่ได้อย่างมีความสุขมากขึ้น ผู้ป่วยจำนวนครึ่งหนึ่งสามารถมีชีวิตอยู่ได้นานกว่าเวลาที่แพทย์บอก และหลายรายมีสุขภาพแข็งแรงจนถึงปัจจุบัน ทีมวิจัยจึงกลับมาหาคำอธิบายในห้องแล็บ และพบว่า ผลิตภัณฑ์สามารถเข้าไปกระตุ้นภูมิต้านทานต่อเซลล์มะเร็ง และทำให้อาการภูมิแพ้ลดลง
การค้นพบดังกล่าว ทำให้อาจารย์พิเชษฐ์เริ่มทำการวิจัย เพื่อยืนยันประสิทธิภาพการรักษาผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ที่แพทย์ลงความเห็นว่าจะมีชีวิตอยู่ได้นานกว่า 3 เดือน โดยทำการวิจัยใน 3 แห่ง กับผู้ป่วยแห่งละ 20 คน คือ ที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดย ศ.พญ. สุมิตรา ทองประเสริฐ ทำกับผู้ป่วยมะเร็งปอดขั้นสุดท้ายที่แพทย์ยุติการรักษาตามปกติ เนื่องจากไม่ตอบรับการรักษาด้วยเคมีบำบัดและรังสีบำบัดแล้ว สอง ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา โดยนายแพทย์ Rex Duane Wilson อายุรแพทย์ที่ Mercy Medical Center เมือง Redding และสาม ที่อิตาลี โดย Dott. Prof. Aldo Demicheli จากหน่วยงาน Consorzio interuniversitario internazionale per lo Svilppo dell'Oncologia. โดยแห่งที่สองและสามทำกับผู้ป่วยที่ไม่ตอบรับการรักษาแผนปกติ หรือผู้ป่วยที่ใช้วิธีรักษาแบบทางเลือก ทั้ง 3 แห่งทำการวิจัยโดยให้ผู้ป่วยใช้แคปซูลครั้งละ 3 เม็ด ก่อนอาหารวันละ 3 ครั้ง ร่วมกับการดื่มน้ำมังคุดวัน ละ 1 ซองทุกวัน และทดสอบว่าผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตอย่างไร รวมทั้งสามารถยืดเวลาชีวิตออกไปได้ยาวนานขึ้นหรือไม่ โดยใช้ตัวชี้วัดหลักคือ การตรวจระบบภูมิคุ้มกัน และตรวจค่าบ่งชี้มะเร็ง (CEA) ว่าลดลงหรือไม่
นอกจากนี้ยังได้ทำการวิจัย เพื่อศึกษากลไกทางภูมิคุ้มกันของ Operation BIM สำหรับมะเร็งด้วย โดย ศ.ดร. วัชระ กสิณฤกษ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเทคโนโลยีชีวการแพทย์ เพื่ออธิบายว่าร่างกายของผู้ป่วยมะเร็งตอบรับกับผลิตภัณฑ์ดังกล่าวอย่างไร
นี่เป็นอีกก้าวของการทำงานโดยใช้พืชธรรมชาติจากมังคุด เพื่อใช้เป็นยารักษาโรค โดยผ่านกระบวนการศึกษาวิจัยและพัฒนาไปสู่การค้า และการคืนกำไรให้สังคม
........................
หมายเหตุ : เรียบเรียงจากข้อมูลทองใส ป่าก่อ ดูผลิตภัณฑ์ที่นี่
ผู้ป่วยเบาหวานรายการBIM100
โรคเบาหวาน โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรัง ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและปัสสาวะให้เป็นปกติได้ โรคนี้สามารถถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ไปสู่บุตรหลานได้ สาเหตุ : เกิดจากความผิดปกติของตับอ่อนที่ไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลินให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ซึ่งเป็นฮอร์โมนอินซูลินเป็นฮอร์โมนที่ช่วยนำพาน้ำตาลเข้าไปในเนื้อเยื่อ เพื่อไปใช้เป็นพลังงาน ในกรณีที่ร่างกายขาดอินซูลิน จะเกิดภาวะน้ำตาลคั่งในเลือด แล้วถูกขับออกมากับปัสสาวะ ทำให้เกิดอาการเบาหวาน อาการ : ระยะแรกไม่มีอาการบ่งชัด เมื่อเป็นระยะหลัง จะมีอาการชัดเจนคือ
การรักษา : ต้องควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย และควบคู่กับการรักษาทางยา
โรคแทรกซ้อน
การปฏิบัติตัว ของผู้ป่วยเบาหวาน
อันตราย ที่อาจเกิดขึ้นได้ทันที
เราจะทราบว่าเป็นโรคเบาหวานหรือไม่ โดย
ข้อปฏิบัติในการมาเจาะเลือด เพื่อตรวจเบาหวาน
การรักษาเบาหวานต้องยึดสิ่งสำคัญ คือ การรักษาทางยา ควบคุมอาหาร และออกกำลังกาย ผู้ป่วยเบาหวาน ถ้าเป็นวัณโรคด้วย โรคอาจกำเริบมากขึ้น ต้องควบคุมรักษาเบาหวานโดยใกล้ชิดจากแพทย์ แหล่งข้อมูล สถาบันโรคทรวงอก | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||